พืชผักสมุนไพร ประโยชน์ใกล้ตัวที่หลายคนคุ้นเคย สำหรับผู้ที่ชอบทำอาหาร อาจจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่สรรพคุณต่างๆของสมุนไพรนั้นมีมากมาย ทั้งประโยชน์ในด้านการบำรุงร่างกาย และการบำบัดบรรเทาโรค โดยในปัจจุบันยิ่งมีการค้นคว้าวิจัยถึงคุณประโยชน์ของสมุนไพรในด้านการการนำมาช่วยบำรุงร่างกายและบำบัดรักษาโรค มีมากยิ่งขึ้นและผลวิจัยจากห้องทดลองจากหลายหลายสถาบันต่างให้ผลเป็นที่น่าสนใจ
พืชผักสมุนไพรพื้นบ้าน 20 อย่าง ที่มีประโยชน์สาระพัดที่พอยกตัวอย่างได้มีดังนี้
ฟ้าละทายโจร
มีสรรพคุณแก้ไข้ รักษาอาการหวัด แก้เจ็บคอ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ
ฟ้าทะลายโจร เป็นไม้ล้มลุก สูงประมาณ 30-70 เซนติเมตร ทุกส่วนมีรสขม สรรพคุณเด่น ๆ ที่ทุกคน
รู้จักกันดีก็คือ ใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้หวัดใหญ่ แก้ร้อนใน เพราะมีฤทธิ์ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย หากรับประทานบ่อย ๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นหวัดง่าย นอกจากเรื่องหวัดแล้ว ฟ้าทะลายโจรยังระงับอาการอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ ขับเสมหะ รักษาอาการท้องเสีย ลำไส้อักเสบ รักษาโรคตับ เบาหวาน โรคงูสวัดริดสีดวงทวาร และสขมของฟ้าทะลายโจรยังช่วยให้เจริญอาหารอีกด้วย
ข้อควรระวัง ก็คือ คนที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากติดเชื้อ Streptococcus group A , ผู้ที่เป็น
โรคหัวใจรูห์มาติค , มีอาการเจ็บคอ เนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย, เป็นความดันต่ำ และสตรีมีครรภ์ ไม่
ควรทานฟ้าทะลายโจร และหากใครทานแล้วเกิดปวดท้อง ปวดเอว วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น ควรหยุดใช้ฟ้า
ทะลายโจร นอกจากนั้นแล้ว ยังไม่ควรรับประทานต่อเนื่องนานเกินไป เพราะอาจทำให้แขนขามีอาการชา หรืออ่อนแรงได้
กระชาย
มีสรรพคุณ บำรุงกำลัง ช่วยในการย่อยอาหาร แก้ท้องอืดจุกเสียดแน่นเฟ้อ บำรุงหัวใจ ขับปัสสาวะ
กระเพรา
มีสรรพคุณ ช่วยขับลม แก้อาการจุกเสียด แก้อาการปวดท้อง ช่วยขับเหงื่อ ลดการคลื่นไส้อาเจียน
แม้จะเป็นผักที่คนไทยนิยมสั่งมารับประทานเวลาที่นึกไม่ออก แต่ก็มีน้อยคนที่จะรู้ว่า กะเพรา มี
สรรพคุณอะไรบ้าง ที่เห็นชัด ๆ เลยก็คือ ใบกะเพรา มีฤทธิ์ขับลม ช่วยแก้จุดเสียด แน่นท้อง แก้ปวดท้อง
อุจจาระ ส่วนน้ำสกัดทั้งตัน สามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหาร สำหรับเมล็ดกะเพรา ก็สามารถพอกตาให้
ผงหรือฝุ่นที่เข้าตาหลุดออกมาได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้นแล้ว รากกะเพราแห้ง ๆ ยังนำมาชงกับน้ำร้อนดื่มแก้โรคธาตุพิการได้ด้วย และสรรพคุณเด็ดของกะเพราอีกประการก็คือ ช่วยขับไขมันและน้ำตาล เคยสงสัยบ้างไหมล่ะ ทำไมอาหารตามสั่งต้องมีเมนูผัดกะเพราเนื้อ กะเพราไก่ กะเพราหมู นั่นก็เพราะนอกจากใบกะเพราจะช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ได้แล้ว ยังมีฤทธิ์ขับไขมัน และน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย อีกทั้ง กะเพราจะช่วยขับน้ำดีในตับออกมาให้ช่วยย่อยไขมันได้ดีขึ้นด้วย เพราะฉะนั้น หากบอกว่า รับประทานกะเพราแล้วจะช่วยป้องกัน โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ ก็คงไม่ผิดนัก
ใบแมงลัก
มีสรรพคุณ เป็นยาขับลมในลำไส้ แก้ไอ แก้โรคผิวหนัง บำรุงน้ำนม เป็นยาระบายอ่อนๆ
โหระพา
มีสรรพคุณ ช่วยในการย่อยอาหาร แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง
สะระแหน่
มีสรรพคุณ แก้อาการปวดท้อง ช่วยขับลมขับเหงื่อ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยระงับกลิ่นปาก
ตะไคร้
มีสรรพคุณ ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยย่อยอาหาร ลดความดันโลหิต ขับลม แก้ไข้ แก้ตกขาว แก้อาเจียน ปวดท้อง นิ่ว
มะกรูด
มีสรรพคุณ ช่วยขับลม แก้วิงเวียน
ข่า
มีสรรพคุณ ช่วยขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืด แก้บิด ช่วยขับเสมหะ
ขิง
มีสรรพคุณ ช่วยขับลม ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ ช่วยขับน้ำดี แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ ป้องกันอากรอักเสบ ช่วยต้านมะเร็ง
พริกชี้ฟ้า
มีสรรพคุณ ช่วยขับลม ช่วยให้เจริญอาหาร ช่วยขับเสมหะ ช่วยบำรุงธาตุ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
พริกไทยดำ
มีสรรพคุณ ช่วยขับลม ลดไข้ ช่วยให้เจริญอาหาร
ยี่หร่า
มีสรรพคุณ ช่วยในการย่อยอาหาร แก้ปวดท้อง ช่วยขับลม บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ
กระเทียม
มีสรรพคุณ ช่วยลดความดันโลหิต กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยลดน้ำตาลในเลือด และลดไขมันในเส้นเลือดอีกด้วย
หอมเล็ก
หอมเล็กหรือหัวหอม มีสรรพคุณ ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยขับลม ช่วยขับประจำเดือน แก้ไข้หวัด ช่วยในการย่อยอาหาร ทำให้เจริญอาหาร
ขมิ้น
มีสรรพคุณ ช่วยขับลม ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ ลดอาการแน่นจุกเสียด แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารยับยั้งการหลั่งน้ำย่อย
"ขมิ้น" เป็นไม้ล้มลุกมีสีเหลืองอมส้ม มีเหง้าอยู่ใต้ดิน มีกลิ่นหอม คนนิยม
นำ "เหง้า" ทั้งสดและแห้งมาใช้รักษาอาการที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร รวมทั้งแก้ท้องเสีย ท้องร่วง จุกเสียดแน่นท้อง และสามารถนำขมิ้นชันมาทาภายนอก เพื่อใช้รักษาแผลเรื้อรัง แผลสด โรคผิวหนัง พุพอง รักษาชันนะตุได้ด้วยนอกจากนั้น "ขมิ้นชัน" ยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ "คูเคอร์มิน" ที่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งตับ อีกทั้งยังสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวหนัง หรือใครที่มีแผลอักเสบ "ขมิ้นชัน" ก็มีสรรพคุณช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น เพราะมีฤทธิ์ไปลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง และหากรับประทานขมิ้นชันทุกวัน ตามเวลาจะช่วยให้ความจำดีขึ้น ไม่อ่อนเพลียยามตื่นนอน และช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นด้วย
กานพลู
มีสรรพคุณ ช่วยในการขับลม และย่อยอาหาร
ใครที่ปวดฟัน นี่คือสมุนไพรที่ช่วยรักษาอาการปวดฟันได้เป็นอย่างดี โดยตามตำรับยา ให้นำดอกที่
ตูมไปแช่เหล้าขาว แล้วเอาสำลีไปชุบน้ำมาอุดรูฟัน จะช่วยบรรเทาอาการปวดฟันได้ เพราะน้ำมันหอมระเหยในกานพลูมีฤทธิ์เป็นยาชาเฉพาะที่ หรือจะเคี้ยวทั้งดอกแล้วอมไว้ตรงบริเวณที่ปวดฟันก็ได้ นอกจากนั้น ยังนำไปผสมน้ำเป็นน้ำยาข้วนปาก ช่วยลดกลิ่นปาก แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้รำมะนาดได้
กานพลูยังมีฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้ ฉะนั้น ใครที่มีอาการปวดท้อง กานพลู ก็ช่วยลดอาการปวด
ท้อง ขับลม ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ จุกเสียดจากการย่อยอาหารได้ เพราะจะไปช่วยขับน้ำดีมาย่อยไขมันได้มากขึ้น แถมยังกระตุ้นการหลั่งเมือก และลดภาวะกรดเกินในกระเพาะอาหารได้ด้วย
อบเชย
มีสรรพคุณ ช่วยขับเหงื่อ เป็นยาขับลม แก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยให้ร่างกายมีความสดชื่น
มะรุม
อย่างวิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม โพแทสเซียม ใยอาหาร แล้ว มะรุม ยังเป็นยาวิเศษรักษาที่ทุกส่วนสามารถใช้รักษาได้สารพัดโรค เริ่มจาก "ราก" ที่จะช่วยบำรุงไฟธาตุ แก้อาการบวม "เปลือก" ใช้ประคบแก้โรคปวดหลัง ปวดข้อ รับประทานเป็นยาขับลมในลำไส้ "กระพี้" ใช้แก้ไขสันนิบาด 'ใบ" มีแคลเซียม วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ใช้แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ "ดอก" ช่วยบำรุงร่างกาย ขับปีสสาวะ ขับน้ำตา ใช้ต้มทำน้ำชาดื่มช่วยให้นอนหลับสบาย "ฝัก" ใช้แก้ไข้หัวลม "เมล็ด" นำมาสกัดเป็นน้ำมันใช้รักษาโรคปวดข้อ โรคเกาทั รักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา และ "เนื้อในเมล็ดมะรุม" ใช้แก้ไอได้ดี รวมทั้งยังเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายได้ด้วย หากรับประทานเป็นประจำ แต่สำหรับคนที่เป็นโรคเลือด G6PD ไม่ควรรับประทานมะรุม
บัวบก
ส่วนต้นของใบบัวบก ก็มีสรรพคุณทางยามากมายไม่แพ้ใบ โดยสามารถใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุง
หัวใจ แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า แก้พิษงูกัด แก้ปวดศีรษะข้างเดียว ช่วยขับปีสสาวะ แก้เจ็บคอ ใช้เป็นยาห้าม
เลือด ส่าแผลสด แก้โรคผิวหนัง ลดความดัน แก้ช้ำในได้เช่นกัน และถ้าใครชอบทำอาหาร อย่าลืมใส่ใบบัวบก
ลงผสมลงไปในเมนูของคุณด้วย เพราะในใบบัวบกมีสารอาหารเพียบ โดยเฉพาะวิตามินเอที่มีสูงมาก และยังให้
คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามิน และไนอาซีน เรียกว่า คุณค่าครบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น