ชื่อพืช ตะขบป่า
ชื่ออื่น -
ชื่อวิทยาศาสตร์ Flacourtia indica (Burm.f.) Merr.
ชื่อวงศ์ Flacourtiaceae
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก ลำต้น และกิ่งใหญ่ ๆ มีหนามแหลม ใบเดี่ยว
เรียงเวียนสลับ ขนาดค่อนข้างเล็ก มักเรียงชิดกันเป็นกระจุกทีป่ ลายกิง่ แผ่นใบรูปไข่กลับ
กว้าง 1.5-3 เซนติเมตร ยาว 2-4 เซนติเมตร ใบอ่อนและเส้นกลางใบสีแดงอมส้ม ดอก
แบบช่อกระจะ ออกเป็นช่อสั้น ๆ ดอกขนาดเล็ก สีขาว แยกเพศอยู่คนละต้น กลีบดอก
5-6 กลีบ ดอกเพศผู้ มีเกสรตัวผู้จำนวนมาก ดอกเพศเมีย รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ ผลกลม
หรือรี เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.8-1 เซนติเมตร ออกเดี่ยว หรือเป็นกลุ่ม เป็นพวงเล็ก ๆ
ตามกิ่ง เมื่ออ่อนสีเขียว สุกสีแดงคล้ำ ลักษณะชุ่มน้ำ มี 5-8 เมล็ด พบตามป่าเต็งรัง
ป่าชายหาด ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง และป่าผสมผลัดใบ ตลอดจนตามริมแม่น้ำ
สรรพคุณ
ยาพื้นบ้านอีสาน ใช้ แก่น ต้มน้ำดื่ม แก้ผิดสำแดง หรือเข้ายากับแก่นมะสัง
เบนน้ำ และหนามแท่ง ต้มน้ำดื่ม แก้ปวดเมื่อย แก้คัน แก่นหรือราก 1 กำมือ ต้มน้ำพอ
ท่วมยา ดื่มวันละ 3-5 ครั้ง แก้โรคไตพิการ
ตำรายาไทย ใช้ แก่น ต้มน้ำดื่ม แก้ท้องร่วง บิดมูกเลือด ขับเหงื่อ ขับพยาธิ
ไส้เดือน แก้ตานขโมย แก้โรคผิวหนัง ประดง ผื่นคัน ราก กินแก้ไตอักเสบ แก้ตานขโมย
ขับพยาธิไส้เดือน บำรุงน้ำนม แก้โรคปอดบวม เปลือก ตำรวมกับน้ำมัน ใช้ทาถูนวด แก้ปวดท้อง
แก้คัน เป็นยากลั้วคอ ใบ ขับเสมหะ แก้หืดหอบ หลอดลมอักเสบ แก้ไข้ แก้ไอ
แก้ท้องร่วง ขับลม และบำรุงร่างกาย เมล็ด ตำพอกแก้ปวดข้อ ผล กินได้มีวิตามินซีสูง
แก้อ่อนเพลีย บรรเทาอาการโรคดีซ่าน ม้ามโต แก้คลื่นไส้อาเจียน และเป็นยาระบาย
ช่วงที่ออกดอก ธันวาคม ถึง มีนาคม
ช่วงที่ออกผล กรกฎาคม ถึง สิงหาคม
Credit และข้อมูลอ้างอิง : https://samoonprithaiherb.blogspot.com/p/credit-01.html


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น